การสอบ IELTS เป็นการวัดระดับภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยเฉพาะสำหรับคนที่ต้องการไปเรียนต่อหรือทำงานในองค์กรระดับนานาชาติ อย่างไรก็ตาม หนึ่งในคำถามที่เราได้ยินบ่อยที่สุดคือ “คะแนน IELTS ควรได้เท่าไร” ซึ่งคำตอบนี้จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งเป้าหมายของแต่ละคน เกณฑ์ของมหาวิทยาลัยหรือที่ทำงานที่เราสนใจ รวมถึงระยะเวลาเตรียมตัวและพื้นฐานภาษาอังกฤษที่มีอยู่แต่เดิมด้วย
คะแนน IELTS คืออะไร เต็มเท่าไร ?
IELTS (International English Language Testing System) คือการทดสอบวัดระดับความสามารถทางภาษาอังกฤษที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล โดยใช้วัดผลทั้งสี่ทักษะ ได้แก่
- การฟัง (Listening) : ความสามารถในการเข้าใจบทสนทนาและการบรรยาย
- การอ่าน (Reading) : การอ่านจับใจความและวิเคราะห์เนื้อหา
- การเขียน (Writing) : การถ่ายทอดความคิดเป็นลายลักษณ์อักษร
- การพูด (Speaking) : การสื่อสารด้วยการพูด
IELTS ให้คะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 9 คะแนน (คะแนนเต็ม 9) ยิ่งได้คะแนนสูงก็ยิ่งแสดงถึงความเชี่ยวชาญในการใช้ภาษาอังกฤษ ผลคะแนนนี้เป็นเกณฑ์สำคัญสำหรับการศึกษาต่อและการทำงานในประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลัก เช่น สหราชอาณาจักร สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย และแคนาดา
คะแนนเฉลี่ย IELTS ของคนไทยเป็นอย่างไร ?
จากข้อมูลล่าสุดของ IDP Education Service (ศูนย์แนะแนวศึกษาต่อต่างประเทศ) คะแนนเฉลี่ยของผู้สอบชาวไทยแบ่งตามแต่ละทักษะเป็นดังนี้
- Listening (การฟัง) : 6.2
- Reading (การอ่าน) : 6.0
- Writing (การเขียน) : 5.5
- Speaking (การพูด) : 5.9
- Overall (คะแนนรวม) : 6.0
เมื่อเปรียบเทียบกับมาตรฐานทั่วไป คะแนนในช่วง 6.0 – 6.5 ถือว่าอยู่ในระดับที่ดีพอสำหรับการสมัครเรียนมหาวิทยาลัยทั้งในและต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม หากต้องการสมัครเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยระดับสูงหรือใช้ในการสมัครงาน การได้คะแนน 7.0 ขึ้นไป ก็จะเพิ่มโอกาสได้มากขึ้น
คะแนน IELTS ของแต่ละมหาวิทยาลัยในไทย
สำหรับนักศึกษาที่ต้องการสมัครเข้าศึกษาต่อในหลักสูตรนานาชาติของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ในประเทศไทย คะแนน IELTS ถือเป็นหนึ่งในเกณฑ์สำคัญที่ใช้วัดทักษะภาษาอังกฤษ โดยแต่ละคณะของมหาวิทยาลัย มีข้อกำหนดคะแนนขั้นต่ำที่แตกต่างกัน ดังนี้
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Chulalongkorn University)
- คณะบริหารธุรกิจ (BBA CU) : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0
- คณะเศรษฐศาสตร์ (EBA CU) : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 450
- คณะอักษรศาสตร์/ศิลปศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 7.0
- คณะนิเทศศาสตร์ : ใช้คะแนน SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 450 แทน IELTS
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (Thammasat University)
- คณะบริหารธุรกิจ (BBA TU) : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0 (แต่ละทักษะไม่ต่ำกว่า 5.5)
- คณะเศรษฐศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 450
- คณะศิลปศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.5 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 400
- คณะวารสารศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 400
มหาวิทยาลัยมหิดล (Mahidol University International College – MUIC)
- คณะบริหารธุรกิจ (BBA MUIC) : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0
- คณะเศรษฐศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0
- คณะนิเทศศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0
มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (Kasetsart University – KU)
- คณะวิศวกรรมศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.5
- คณะเศรษฐศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0
- คณะอุตสาหกรรมเกษตร : IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.5
- คณะมนุษยศาสตร์ : IELTS ไม่ต่ำกว่า 4.5 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 529
- คณะบริหารธุรกิจ (BBA KU) : IELTS ไม่ต่ำกว่า 5.0 หรือ SAT (Verbal) ไม่ต่ำกว่า 400
คะแนน IELTS ควรได้เท่าไร ?
ไม่มีคำตอบที่ตายตัวสำหรับคะแนน IELTS ว่า “ควรได้เท่าไร” เนื่องจากขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละคน โดยคะแนนที่ต้องการจะแตกต่างกันไปตามประเภทของสถาบัน องค์กร หรือประเทศที่ต้องการสมัคร
- ศึกษาต่อในประเทศและต่างประเทศ
ระดับปริญญาตรีส่วนใหญ่ต้องการคะแนน 5.5 – 6.5 ในขณะที่ระดับปริญญาโทและเอก มักต้องการคะแนนที่สูงกว่าคือ 6.5 – 7.5 ขึ้นไป ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับนโยบายของแต่ละสถาบันการศึกษา - ทำงานในต่างประเทศ
องค์กรส่วนใหญ่ต้องการคะแนน 6.0 – 7.0 แต่สำหรับบางอาชีพที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษอย่างเข้มข้น เช่น แพทย์หรือพยาบาล อาจต้องการคะแนนสูงถึง 7.0 – 8.0 - ขอวีซ่าหรือย้ายถิ่นฐาน
แต่ละประเทศมีเกณฑ์แตกต่างกัน โดยประเทศที่ใช้ภาษาอังกฤษเป็นหลักอย่างออสเตรเลียและแคนาดา มักกำหนดคะแนนไว้ที่ 6.0 – 7.0
ดังนั้น ก่อนเข้าสอบ จึงควรศึกษาเกณฑ์คะแนนของสถาบันหรือองค์กรที่ต้องการสมัครให้ชัดเจน เพื่อวางแผนการเตรียมตัวให้ได้คะแนนตามที่ต้องการ
เทคนิคอัปคะแนน IELTS
สำหรับใครที่อยากทำคะแนน IELTS ให้ได้ตามที่ตั้งไว้ เรามีเทคนิคง่าย ๆ มาแนะนำ รับรองว่าหากทำตามอย่างมีวินัยและสม่ำเสมอ คะแนนจะพัฒนาขึ้นอย่างแน่นอน
- ฝึกทำข้อสอบย้อนหลังทุกวัน
การทำข้อสอบเก่าทุกวันจะช่วยให้คุ้นเคยกับรูปแบบคำถามและประเภทของโจทย์ที่มักออกสอบ นอกจากนี้ ยังช่วยให้จับเวลาและวางแผนการทำข้อสอบได้ดีขึ้น - ฝึกฝนการฟัง (Listening) ด้วยสื่อที่หลากหลาย
การพัฒนาทักษะการฟังควรทำอย่างรอบด้าน โดยไม่จำกัดเพียงแค่การฝึกทำข้อสอบเท่านั้น แต่ควรฝึกฟังจากแหล่งต่าง ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ข่าว พอดแคสต์ หรือวิดีโอสัมภาษณ์ เพื่อให้คุ้นเคยกับสำเนียงที่หลากหลาย ที่สำคัญ ควรฝึกจดโน้ตสั้น ๆ ระหว่างฟังเพื่อพัฒนาทักษะการจับใจความสำคัญด้วย - พัฒนาทักษะการอ่าน (Reading) ด้วยการฝึกความเร็วในการอ่าน
ข้อสอบพาร์ต Reading มีเวลาจำกัด การฝึกอ่านจึงต้องเน้นทั้งความเร็วและความแม่นยำ โดยควรฝึกอ่านจากบทความหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ เว็บไซต์ หรือบทความเชิงวิชาการ ทั้งนี้ ควรฝึกทั้งการอ่านแบบกวาดสายตาเพื่อจับใจความหลัก และการอ่านแบบละเอียดเพื่อหาคำตอบเฉพาะ - ฝึกพูดกับเจ้าของภาษาหรือคู่สนทนา
การหาโอกาสพูดภาษาอังกฤษกับผู้อื่นจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและความคล่องแคล่วในการสื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน ครู หรือเจ้าของภาษา โดยเฉพาะการฝึกพูดในหัวข้อที่มักพบในข้อสอบ IELTS - ฝึกเขียน (Writing) ด้วยการฝึกตอบคำถามประเภทต่าง ๆ
การพัฒนาทักษะการเขียนต้องอาศัยการฝึกฝนทั้ง Task 1 และ Task 2 อย่างสม่ำเสมอ โดยเน้นการเขียนตามหัวข้อที่มักออกสอบ และให้ความสำคัญกับโครงสร้างประโยค รวมถึงการใช้คำศัพท์ และการเชื่อมโยงความคิด นอกจากนี้ ยังควรหมั่นตรวจสอบข้อผิดพลาดและพัฒนาวิธีการเขียนอย่างต่อเนื่องด้วย - ลงคอร์สเตรียมสอบ IELTS จากสถาบันที่น่าเชื่อถือ
สำหรับผู้ที่ต้องการพัฒนาทักษะอย่างเข้มข้น การลงคอร์สเตรียมสอบ IELTS อาจเป็นทางลัดที่ช่วยให้ทำข้อสอบ IELTS ได้คะแนนดีขึ้น เนื่องจากสถาบันที่มีความเชี่ยวชาญมักมาพร้อมกับเทคนิคเฉพาะและคลังข้อสอบที่เก็บรวบรวมไว้ อีกทั้งด้วยประสบการณ์ของผู้สอน ยังจะช่วยแนะนำได้ว่าเวลาทำข้อสอบควรให้น้ำหนักกับส่วนใดเป็นพิเศษ และส่วนใดที่ไม่ต้องเน้นมากนัก
เตรียมความพร้อมก่อนสอบด้วยคอร์สเรียน IELTS ที่ AUA Language Center
สำหรับผู้ที่ต้องการเตรียมความพร้อมสำหรับการสอบ IELTS และกำลังมองหาคอร์สเรียนจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ ที่ AUA มีคอร์สเตรียมสอบ IELTS ที่ออกแบบมาเพื่อพัฒนาทักษะทั้ง 4 ด้านอย่างครบถ้วน ตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงระดับสูง ผ่านการเรียนการสอนแบบสดกับครูเจ้าของภาษา
ทำไมถึงควรเลือกคอร์สเรียนเตรียมสอบ IELTS ที่ AUA ?
- หลักสูตรครอบคลุมทุกระดับ : มี 4 ระดับตั้งแต่พื้นฐาน (CEFR A2) จนถึงระดับสูง (CEFR C1) โดยแต่ละระดับมีเป้าหมายคะแนน IELTS ที่ชัดเจน ตั้งแต่ 5.5 ถึง 7.5
- การเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ : เรียนสดผ่าน Zoom กับครูเจ้าของภาษา สัปดาห์ละ 2 ครั้ง ครั้งละ 2.5 ชั่วโมง ใช้เวลา 18 สัปดาห์ต่อระดับ
- เนื้อหาครบถ้วน : ครอบคลุมทั้งทักษะหลัก (ฟัง พูด อ่าน เขียน) และทักษะเสริม (ไวยากรณ์ คำศัพท์ และทักษะการศึกษา)
- เตรียมพร้อมก่อนสอบจริง : มีข้อสอบ IELTS จริงให้ฝึกฝนถึง 4 ชุด พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
สนใจคอร์สเรียนของเรา สอบถามรายละเอียดและลงทะเบียนเรียนได้เลยที่
- โทร : 02-385-1100-5
- LINE : @aualc
- สาขา : AUA Language Center ทุกสาขา
ข้อมูลอ้างอิง
- Average IELTS Score of Thai Students – Thailand. สืบค้นเมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2568 จาก https://www.idp.com/thailand/blog/average-ielts-score/?lang=en.