“เรียนสนทนาที่ไหนดี? 5 ทริคเลือก ‘สถาบันสอนสนทนาภาษาอังกฤษ’ ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ “

“เรียนสนทนาที่ไหนดี? 5 ทริคเลือก ‘สถาบันสอนสนทนาภาษาอังกฤษ’ ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ “
“เรียนสนทนาที่ไหนดี? 5 ทริคเลือก ‘สถาบันสอนสนทนาภาษาอังกฤษ’ ให้คุ้มค่าและตอบโจทย์ “

สำหรับหลายคนที่กำลังคิดไม่ตกว่า ‘ควรเรียนสนทนาที่ไหนดี?’ เพราะทุกที่ก็แสนดูน่าเรียนเหมือนกันเสียหมด วันนี้ AUA มี 5 ทริคการเลือกสถาบันสำหรับเรียนอังกฤษสนทนาให้คุ้มค่าและตอบโจทย์มาฝากกัน จะมี ‘เคล็ดลับการเลือก’ น่ารู้ใดบ้าง มาเริ่มกันเลย

1) พิจารณามาตรฐานของสถาบันและผู้สอน

ก้าวแรกที่สำคัญในการเลือกสถาบันสอนภาษาสนทนาให้คุ้มค่า แน่นอนว่าต้องพิจารณามาตรฐานของสถาบันและผู้สอนอย่างถี่ถ้วน โดยสำหรับทริคการพิจารณมาตรฐานของสถาบันและผู้สอน ผู้เรียนอาจเริ่มจากการศึกษาความเป็นมาและแนวคิด-แนวทางการสอนของสถาบันเป็นลำดับแรก ตรวจสอบดูว่าสถาบันเปิดมายาวนานและมีประสบการณ์มากน้อยเพียงใด สถาบันที่เปิดมายาวนานมีแนวโน้มที่จะมีการดำเนินงานและการพัฒนาหลักสูตรให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานมากกว่าสถาบันใหม่ เพราะผ่านการลองผิดลองถูก (trial and error) กันมาก่อนอย่างต่อเนื่อง รู้ว่าแนวทางการสอนใดที่อาจไม่เวิร์ก และแนวทางการสอนใดที่เห็นผล นอกจากนี้ ผู้เรียนยังควรตรวจสอบมาตรฐานของผู้สอนเพิ่มเติม โดยอาจพิจารณาจากข้อมูลเกี่ยวกับผู้สอนในเว็บไซต์ของสถาบัน, ข้อกำหนดคุณสมบัติผู้สอนของสถาบัน (มักปรากฏในหน้าประกาศรับสมัครผู้สอน), ตลอดจน Testimonials ของผู้เรียนในอดีต ตัวอย่าง เช่น สำหรับผู้สอนของ AUA เรากำหนดว่าจะต้องมีคุณสมบัติ ดังนี้

  • 1.มีทักษะภาษาอังกฤษระดับเจ้าของภาษา
  • 2.มีวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี
  • 3.มีประกาศนียบัตรรับรองความสามารถและมาตรฐานการสอนภาษาอังกฤษสำหรับชาวต่างชาติ (Teaching English as a Foreign Language: TEFL) ตามมาตรฐานสากล จากหลักสูตรรับรอง 120 ชั่วโมง แบบตัวต่อตัว (face-to-face) จาก องค์กร อาทิ SIT, CELTA

2. เลือกสถาบันที่มี ‘การสอบวัดระดับก่อนเรียน’

สถาบันสอนภาษาต่างมีหลักสูตรคอร์สสนทนาที่หลากหลายและแตกต่างในระดับความยาก-ง่ายตามาตรฐานเฉพาะของตนเอง ผู้เรียนหลายคนมักคิดว่าตนเองอาจมีทักษะภาษาในระดับหนึ่ง แต่สิ่งสำคัญคือระดับดังกล่าวอาจแตกต่างจากระดับที่สถาบันฯ กำหนดในคอร์สหนึ่ง เช่น การประเมิน ‘ระดับพื้นฐาน’ จากความรู้สึกของเราเองหรือจากสถาบันหนึ่ง (เช่น สถาบันที่เคยศึกษาในอดีต) อาจแตกต่างจากการประเมิน ‘ระดับพื้นฐาน’ ของอีกสถาบัน (เช่น สถาบันใหม่) มีเพียงแค่ ‘สถาบันผู้ทำการเปิดสอน’ เท่านั้นที่จะสามารถช่วยเรามองเห็นได้ว่าเราเหมาะกับคอร์สใดของเขามากที่สุด ตัวอย่าง เช่น สำหรับการรับสมัครผู้เรียนของ AUA เรามีการจัดสอบวัดระดับก่อนเรียนเสมอ เพื่อช่วยให้ผู้เรียนเลือกคอร์สที่เหมาะสมกับตนเองและช่วยให้ผู้สอนเองสามารถรับรู้จุดอ่อน-จุดแข็งของผู้เรียน

3. คอร์สสนทนาที่ใช่ อาจไม่จำเป็นต้องอยู่ในห้องเรียน (เสมอไป)

สำหรับผู้เรียนที่สามารถสนทนาอย่างครอบคลุมได้บ้างแล้ว สามารถเข้าใจหลักการสร้างประโยค เข้าใจการออกเสียงและพอมีคลังคำศัพท์ ‘คอร์สนทนาที่ใช่’ อาจมิใช่ ‘หลักสูตรมาตรฐาน’ ที่เนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งเน้นการพัฒนาปรับพื้นฐานภาษาทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน และเขียน เช่น คอร์สหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของ AUA แต่อาจอยู่ในรูปของหลักสูตรที่ ‘เน้นการสนทนาล้วน’ เช่น คอร์ส CONVERSATION TIME ของ AUA ที่เน้นฝึกการสนทนาภาษาอังกฤษแบบกลุ่มเล็ก ไม่เกิน 10 คน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับครูเจ้าของภาษาอย่างอิสระ ในหัวข้อการสนทนาที่ในกลุ่มเป็นผู้ร่วมกันกำหนดเอง ครูยังคงมีการอธิบายและมอบความรู้เชิงหลักการในบางครั้ง แต่การใช้เวลาส่วนใหญ่ของผู้เรียนจะอยู่ที่การสนทนากันเป็นหลัก

4. ไม่มีเวลา อยากได้ตารางเรียนที่ยืดหยุ่น? ลองเรียนแบบเดี่ยว/กลุ่ม

ในบางสถาบันสอนภาษา เช่น AUA ผู้ที่ไม่มีเวลาหรือไม่สามารถเดินทางมาเรียนที่สาขายังสามารถเลือกเรียนแบบเดี่ยวหรือกลุ่มเล็กได้ โดยผู้เรียนสามารถกำหนดวันเวาลาและสถานที่เรียน (นอกสถานที่ หรือ ที่สถานสอนภาษา AUA) ที่ตนเองสะดวกได้ ไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเรียนที่สถานสอนภาษา AUA เท่านั้น

โดยมีการกำหนดวัตถุประสงค์การเรียนรู้หลักให้กับผู้เรียนอย่างชัดเจน ได้แก่

  • เพื่อให้ผู้เรียนภาษาอังกฤษกับสถานสอนภาษา AUA ได้ใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารได้อย่างมั่นใจ และพร้อมรับทุกสถานการณ์
  • เพื่อให้เรียนรู้ภาษาอังกฤษแบบรอบด้าน ด้วยหัวข้อบทสนทนาที่หลากหลาย จะช่วยให้ผู้เรียนได้คลังคำศัพท์ใหม่ๆ จับใจความการสนทนาได้ และใช้ภาษาอย่างถูกต้อง
  • เพื่อให้ผู้เรียนเข้าใจความหมายของบทสนทนา และโต้ตอบบทสนทนาภาษาอังกฤษได้
  • การเรียนภาษาอังกฤษแบบตัวต่อตัวหรือเป็นกลุ่มขนาดเล็กจะช่วยให้ผู้เรียนมีสมาธิกับการเรียนภาษาอังกฤษมากขึ้น และสามารถสอบถามผู้สอนได้อย่างเต็มที่
  • เพื่อมอบโอกาสและตารางการเรียนที่ยืดหยุ่นและสะดวกกับผู้เรียน

5.เช็ก ‘มาตรฐานผลลัพธ์’ ของแต่ละคอร์ส

สถาบันสอนภาษาที่มีคุณภาพควรสามารถระบุมาตรฐานผลลัพธ์ที่สถาบันสามารถถ่ายทอดให้กับผู้เรียนได้ เช่น สำหรับคอร์สหลักสูตรภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารของ AUA เราวางเป้าหมายอย่างชัดเจนว่าเมื่อจบหลักสูตร ผู้เรียนจะสามารถใช้ภาษาอังกฤษมาตรฐาน CEFR ได้ในระดับ B2 (ระดับกลางสูง) ได้ แม้มาตรฐานผลลัพธ์ดังกล่าวอาจไม่ใช่การการันตี 100% เพราะผู้เรียนแต่ละคนย่อมมีปัจจัยและความรวดเร็วในการเรียนรู้ต่างกัน แต่ ‘การมีมาตรฐานผลลัพธ์’ ย่อมหมายความว่าหลักสูตรมีโครงสร้างเนื้อหาการเรียนการสอนที่ดี, เป็นระบบ, และมีคุณภาพ ผู้เรียนสามารถเข้าใจพัฒนาการแต่ละก้าวและวัตถุประสงค์ในการเรียนรู้ของตนได้อย่างดี

ABOUT AUA LANGUAGE CENTER

ก่อตั้งในปี พ.ศ. 2495 ณ วังสราญรมย์ โดยสมาคมนักเรียนเก่าสหรัฐอเมริกาในพระบรมราชูปถัมภ์และการสนับสนุนของรัฐบาลอเมริกัน ปัจจุบัน สถาบันสอนภาษา เอยูเอ (AUA Language Center) มีการเปิดสอนในหลากหลายหลักสูตรและสาขาทั่วประเทศไทย มุ่งมั่นมอบโอกาสในการเรียนรู้ภาษาอังกฤษให้กับบุคคลทุกคน ภายใต้มาตรฐานการสอนและบุคลากรที่มีคุณภาพ มอบแนวทางการเรียนรู้ที่หลากหลาย, ยืดหยุ่น, พร้อมต่อยอดและใช้งานได้จริง